tag:blogger.com,1999:blog-65814930003938110292024-03-21T10:56:53.127-07:00คนรักอิสระspw2010http://www.blogger.com/profile/10062170645383397140noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-6581493000393811029.post-18851789660251154892010-04-26T23:33:00.000-07:002010-04-26T23:43:43.687-07:00เทคนิคการสอนแบบโครงงานอย่างง่าย<p align="center">เทคนิคการสอนแบบโครงงานอย่างง่าย </p><p align="center">ตอนการออกแบบโครงงาน</p><p>การสอนแบบกิจกรรมโครงงานคุณครูอาจเกิดความไม่มั่นใจว่าจะเริ่มต้นกันอย่างไร เริ่มที่ตรงไหน ข้าพเจ้าขอนำเสนอการออกแบบโครงงานอย่างง่าย เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการออกแบบการทำโครงงานเป็นการออกแบบ รูปแบบโครงงานที่ทำ ประกอบด้วย ขั้นตอนต่างๆ อย่างหลากหลาย ซึ่งเป็นการวางแผนรูปแบบการสอนแบบโครงงาน ที่ครูผู้สอนแต่ละคนจะพิจารณาตามความเหมาะสม ในการนำเสนอครั้งนี้จะขอเสนอ 6 ขั้นตอน และขอชี้แจงเกี่ยวกับ ความหมายของแต่ละหัวข้อ ดังนี้<br />ขั้นตอนที่ 1 การคิดและเลือกหัวข้อเรื่องการตั้งชื่อโครงงาน<br />ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบการทำโครงงาน การวางแผนรูปแบบโครงงานที่ทำประกอบด้วยหัวข้อ<br />ต่อไปนี้<br />1. การตั้งชื่อโครงงาน<br />2. การเขียนความเป็นมาของโครงงาน<br />3. การเขียนวัตถุประสงค์ของโครงงาน<br />4. การเขียนแผนผังความคิดของโครงงานแบบWeb<br />5. การเขียนแผนผังโครงงานแบบตาราง<br />6. การเขียนขั้นตอนการดำเนินการ<br />7. การเขียนผลการศึกษา<br />8. การเขียนประโยชน์ที่ได้รับ<br />9. วิธีการนำเสนอผลการศึกษา<br />10. การเขียนแหล่งอ้างอิง<br />11. การเขียนความรู้สึกที่มีต่อการทำโครงงานชิ้นนี้<br />ขั้นตอนที่ 3 การลงมือทำโครงงาน ลงมือปฏิบัติงานตามที่วางแผนไว้ในขั้นตอนที่ 2<br />ขั้นตอนที่ 4 การเขียนรายงานโครงงาน เขียนรายงานโครงงานจากข้อมูลที่ไปศึกษาค้นคว้ามาตรวจสอบกับสมมุติฐานลงในแบบบันทึก<br />ขั้นตอนที่ 5 การนำเสนอผลงาน เขียนบรรยายวิธีการนำเสนอผลงาน<br />ขั้นตอนที่ 6 การวัดผลประเมินผล เขียนความรู้สึกที่มีต่อการทำโครงงานแลกเปลี่ยนตรวจสอบกับเพื่อน ผู้ปกครอง<br />ครูคำชี้แจงเกี่ยวกับความหมายของแต่ละหัวข้อมีดังนี้<br /><em>การตั้งชื่อโครงงาน</em> กำหนดปัญหาหรือหัวข้อที่ต้องการศึกษาค้นคว้าคำตอบ ถ้าผู้เรียนระดับชั้นต้นๆควรจะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ควรเป็นคำถามหรือข้อความที่กะทัดรัดชัดเจน สื่อความหมายได้ตรง ผู้อ่าน อ่านแล้วสนใจชวนให้ติดตามเนื้อหาสาระ<br /><em>การเขียนความเป็นมาของโครงงาน</em> หมายถึง กล่าวถึงสาเหตุหรือแรงจูงใจที่ทำให้นักเรียนเกิดความสงสัย ใคร่รู้ อยากรู้คำตอบของสิ่งที่ต้องการศึกษา เป็นการอธิบายว่าเหตุใดจึงเลือกทำโครงงานชิ้นนี้ มีเหตุจูงใจอะไร มีความสำคัญอย่างไร มีหลักการหรือทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง<br /><em>การเขียนวัตถุประสงค์ของโครงงาน</em> หมายถึง การกำหนดสิ่งที่ต้องการทราบว่าเมื่อเสร็จสิ้นการศึกษา ควรมีความหมายเฉพาะเจาะจง และสามารถวัดได้เป็นการบอกขอบเขตของงานที่จะทำได้ชัดเจนขึ้น คิดทบทวนไตร่ตรองหาเหตุผลประกอบการตัดสินใจว่าต้องการอะไรจากการทำโครงงานครั้งนี้ เขียนสิ่งที่ตนเองต้องการ พูดคุยกับเพื่อนเพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น<br /><em>การเขียนแผนผังความคิดแบบ Web</em> หมายถึง เป็นการเขียนเพื่ออธิบายจากหัวข้อใหย่สู่หัวข้อย่อยๆ ของแต่ละเรื่อง ปัญหาที่ต้องการศึกษา แตกแขนงให้เห็นรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกัน ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษา<br /><em>การเขียนแผนผังโครงงานแบบตาราง</em> หมายถึง การนำตารางแผนผังโครงงานที่ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นเสมือนแผนการดำเนินงานโครงงานมาใส่ไว้เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ของคำถาม สมมุติฐาน วิธีการศึกษา แหล่งศึกษา<br />คำถาม ดอกกุหลาบมีเกสรตัวผู้หรือไม่<br />สมมุติฐาน มีเพราะกุหลาบมีเมล็ดอยู่ในกระเปาะของดอก<br />วิธีการศึกษา สอบถามผู้รู้ค้นคว้าทดลองพิสูจน์จากของจริง<br />แหล่งศึกษา ผู้รู้ หนังสือเกี่ยวกับพืช ดอกกุหลาบจริง<br />ระยะเวลาที่ใช้ศึกษา กำหนดเป็นจำนวนวัน สัปดาห์ หรือเดือนแล้วแต่ความเหมาะสม<br />ผู้รับผิดชอบ กำหนดผู้รับผิดชอบแต่ละหัวข้อให้ชัดเจน<br />การเขียนขั้นตอนการดำเนินงาน หมายถึง การบรรยายสภาพให้เห็นขั้นตอนการทำงานของนักเรียนตั้งแต่ต้นจนจบเป็นโครงงานสำเร็จ จะต้องอธิบายว่าออกแบบอย่างไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้าง รวมทั้งระบุวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ ครูชี้นำให้ดังนี้<br />1. นักเรียนถามตัวเองว่ามีวิธีใดบ้างที่จะศึกษาเรื่องนั้นๆได้<br />2. นักเรียนเลือกวิธีการที่เหมาะสมและสามารถทำได้ในข้อจำกัดที่มีอยู่<br />3. กำหนดขั้นตอนหรือวิธีการศึกษาและระยะเวลา<br />4. กำหนดวิธีการนำเสนอผลงาน<br /><em>การเขียนผลการศึกษา</em> หมายถึง คำตอบของคำถามที่ตั้งไว้แต่ละหัวข้อว่าหลังจากไปศึกษาแล้วได้คำตอบว่าอะไร<br /><em>การเขียนประโยชน์ที่ได้รับ</em> หมายถึง การเขียนบรรยายความคาดหวังที่นักเรียนมีต่อโครงงาน การบรรยายผลที่ได้รับจากการศึกษาโครงงานชิ้นนี้ ว่าผู้ศึกษาได้ศึกษาแล้วตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ ให้ประโยชน์ด้านใดบ้าง เช่น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น ได้ทราบคำตอบของปัญหาที่ศึกษาอย่างละเอียดชัดเจนจนเป็นที่พอใจ<br /><em>วิธีการนำเสนอผลการศึกษา</em> หมายถึง การนำผลการศึกษาออกเผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ที่เหมาะสมกับเรื่องที่ศึกษาและมีความเป็นไปได้ ซึ่งผู้เรียนจะเป็นผู้นำเสนอข้อมูลหรือผลสรุปของการศึกษาค้นคว้า อาจนำเสนอในรูปของรายงาน การจัดบอร์ดแสดงสิ่งที่ศึกษาท หรือการแสดงในรูปของละครหรือด้วยวาจา เป็นต้น<br /><em>การเขียนแหล่งอ้างอิง</em> หมายถึง หนังสือหรือเอกสารหรือบุคคลที่นักเรียนไปศึกษาค้นคว้า แล้วได้นำความรู้มาตอบคำถามของโครงงาน การเขียนเอกสารอ้างอิงควรบอกรายละเอียดที่จำเป็นให้ครบถ้วน เช่น<br />1. ถ้าเป็นหนังสือตำรา ต้องบอกชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ ชื่อโรงพิมพ์ ปีพ.ศ.ที่พิมพ์ นักเรียนได้เขียนข้อมูลจากหน้าที่เท่าไร<br />2. ถ้าเป็นสิ่งพิมพ์ เช่น วารสาร หนังสือพิมพ์ ต้องบอกชื่อผู้เขียนคอลัมน์ ชื่อวารสารหรือหนังสือพิมพ์ วัน/เดือน/ปี ที่ตีพิมพ์<br />3. ถ้าเป็นบุคคล บอกชื่อ นามสกุล อายุ อาชีพ สถานที่ของผู้ที่สามารถติดต่อได้ ความชำนาญที่มี<br /><em>การเขียนความรู้สึกที่มีต่อการทำโครงงานชิ้นนี้</em> หมายถึง ให้นักเรียนเขียนบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนทำโครงงาน ขณะทำโครงงาน และหลังทำโครงงาน ประโยชน์ที่นักเรียนได้รับ หรือความคาดหวังที่นักเรียนมีต่อโครงงาน<br /><em>เมื่อ คุณครู</em> ได้ศึกษาทำความเข้าใจแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่ยากเกินความพยายามของท่าน และหากมีข้อสงสัยปรึกษาได้ที่ กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา<br /><br /><a href="http://area.obec.go.th/phangnga1/kmc/modules.php?name=News&file=article&sid=423">http://area.obec.go.th/phangnga1/kmc/modules.php?name=News&file=article&sid=423</a></p>spw2010http://www.blogger.com/profile/10062170645383397140noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6581493000393811029.post-24705356743179808982010-04-26T21:15:00.000-07:002010-04-26T21:20:59.820-07:00<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnFp-XRQXxJv80TVIFmlOHuyvNCLrl6fPmdag4nZ_BEUB0WkKooEb1AWa3m-g-Zwb6cCwBTyWHrx07yIXDq76_4WN0e6UAqAJMc33OVz0r0CbyG_C9cBuKj7hPAlwoDetw08piw-zBmMU/s1600/img15.jpg"><img style="float: right; margin: 0pt 0pt 10px 10px; cursor: pointer; width: 200px; height: 150px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnFp-XRQXxJv80TVIFmlOHuyvNCLrl6fPmdag4nZ_BEUB0WkKooEb1AWa3m-g-Zwb6cCwBTyWHrx07yIXDq76_4WN0e6UAqAJMc33OVz0r0CbyG_C9cBuKj7hPAlwoDetw08piw-zBmMU/s200/img15.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5464667167826011698" border="0" /></a><br />บทความที่จะส่ง <span style="color: rgb(153, 51, 153);">กรุณาใช้ข้อความและรูปภาพที่สุภาพ</span> ขอบคุณค่ะspw2010http://www.blogger.com/profile/10062170645383397140noreply@blogger.com0